แนะนำการใช้ ระบบKM ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ระบบ KM คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร
ระบบ KM คือ ระบบ การ จัดการ องค์ความรู้ ภายใน องค์กร เพื่อ รวบรวม แลกเปลี่ยน และ ถ่ายทอด ความรู้ ระหว่าง พนักงาน ให้สามารถ นำ ความรู้ ไปใช้ ได้อย่าง มีประสิทธิภาพ
ประวัติความเป็นมาของระบบ KM เริ่มต้นจากแนวคิดการจัดการความรู้ (Knowledge Management) ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขององค์กร โดยการนำความรู้และประสบการณ์ของพนักงานมาจัดเก็บและถ่ายทอดอย่างเป็นระบบ เพื่อให้องค์กรสามารถนำความรู้เหล่านั้นไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ระบบ KM จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์การจัดการความรู้ภายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ
แนวคิดของระบบ KM มุ่งเน้นการรวบรวมความรู้จากแหล่งต่างๆ ทั้งจากบุคลากร เอกสาร ฐานข้อมูล และแหล่งอื่นๆ นำมาจัดระเบียบ และเผยแพร่ให้พนักงานสามารถเข้าถึงและนำไปใช้งานได้อย่างสะดวก ระบบ KM จึงถือเป็นศูนย์รวมความรู้ของบริษัท ช่วยส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างพนักงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขององค์กรโดยรวม
ประเภทความรู้ในระบบ KM | คำอธิบาย |
---|---|
1. ความรู้เชิงกระบวนการ (Process Knowledge) | ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอน วิธีการทำงาน และแนวปฏิบัติที่ดี เช่น คู่มือการปฏิบัติงาน (Work Instruction) |
2. ความรู้เชิงผลิตภัณฑ์และบริการ (Product & Service Knowledge) | ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการขององค์กร รวมถึงข้อมูลทางเทคนิคต่างๆ |
3. ความรู้เชิงบริหารจัดการ (Management Knowledge) | ความรู้ด้านการบริหารจัดการองค์กร เช่น กลยุทธ์ธุรกิจ แผนงาน นโยบายต่างๆ |
4. ความรู้พื้นฐาน (Basic Knowledge) | ความรู้พื้นฐานทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน เช่น ความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ ภาษา กฎหมาย ฯลฯ |
การจัดประเภทความรู้ช่วยให้การจัดการความรู้เป็นระบบ และสามารถเข้าถึงความรู้ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถวางแผนการพัฒนาและส่งเสริมความรู้แต่ละประเภทได้อย่างเหมาะสม เพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กรได้ดียิ่งขึ้น
ประโยชน์ของระบบ KM | คำอธิบาย |
---|---|
1. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน | ด้วยการเข้าถึงและแบ่งปันความรู้ได้ง่ายขึ้น พนักงานสามารถปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น |
2. ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการพัฒนาความรู้ | การจัดเก็บความรู้อย่างเป็นระบบ ทำให้ไม่ต้องสร้างความรู้ซ้ำซ้อน และสามารถนำความรู้มาใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า |
3. รักษาความรู้ขององค์กรไว้ | เมื่อพนักงานลาออกหรือเกษียณ ความรู้ต่างๆ จะไม่สูญหายจากองค์กร เพราะได้ถูกจัดเก็บไว้ในระบบแล้ว |
4. ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาองค์กร | การแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างพนักงานจะกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง |
การนำระบบ KM มาใช้ในองค์กรจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ ด้วยการใช้ประโยชน์จากความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมไว้อย่างคุ้มค่า บริษัทจะสามารถปรับปรุงกระบวนการทำงาน พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ ตลอดจนวางแผนกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ระบบ KM ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ให้กับองค์กร ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาว
หากคุณสนใจระบบ KM หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อ Seed KM ซึ่งเป็นผู้นำด้านระบบจัดการความรู้ (KM) ที่ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรชั้นนำมากมาย นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่น่าสนใจให้ลองใช้งานฟรี เช่น Jarviz โปรแกรมบันทึกเวลาทำงาน, OPTIMISTIC โปรแกรมบริหารงานบุคคลและเงินเดือน, Veracity โปรแกรมลายเซ็นดิจิทัล, CloudAccount โปรแกรมบัญชีออนไลน์, สั่งซื้อ License Microsoft หรือ License อื่นๆ ได้ที่ Savemak, โซลูชันการประชุมทางวีดีโอ บริการครบวงจรสำหรับ ipphone, สร้าง Chatbot ง่ายๆ ภายในองค์กร ด้วย Chatframework, หากต้องการติดตั้ง สายแลน สามารถติดต่อ Fiberthai ได้
นอกเหนือจากบทความนี้แล้ว ท่านยังสามารถอ่านบทความเกี่ยวกับไอทีและการบริหารจัดการองค์กรเพิ่มเติมได้ที่: